ลงวันที่ 17/07/2566

การนี้ เจ้าพระคุณ สมเด็จพระสังฆราช ถวายเชิงเทียนรุ่งอักษรพระนามที่ระลึกงานฉลองพระชนมายุ ๘ รอบ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ เป็นพุทธบูชา ทรงรดน้ำพระศรีมหาโพธิ์ พุทธเจดีย์ประจำสถานปฏิบัติธรรม จากนั้น โปรดประทานพระวโรกาสให้ผู้มีจิตศรัทธาโดยเสด็จพระกุศลเฝ้ารับประทานของที่ระลึก แล้วประทานพระสัมโมทนียกถา ความตอนหนึ่งว่า

"หลังจากได้มาวางศิลาฤกษ์สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้เมื่อหลายปีก่อน อาตมภาพก็เฝ้าติดตามข่าวคราวการจัดสร้างอย่างใกล้ชิด พอได้มาเห็นความคืบหน้าจนใกล้จะแล้วเสร็จสมบูรณ์ ก็รู้สึกมีกำลังใจ ดุจได้รับของขวัญพิเศษ เพราะสถานที่แห่งนี้ จะอำนวยประโยชน์อย่างกว้างขวางแก่ชาวโลก ตามวิถีแห่งพระพุทธศาสนา

การจะบำรุงรักษาสถานที่อันกว้างใหญ่ เพื่อการปฏิบัติธรรม โดยเฉพาะการเจริญพระกรรมฐานนั้น ยังต้องอาศัยทุนนิธิ เป็นเครื่องค้ำจุนให้ยั่งยืนต่อไป ในนามของวัดราชบพิธ จึงขอบอกบุญเป็นพิเศษไว้ เพื่อท่านทั้งหลายจำได้ร่วมกันฝังขุมทรัพย์แห่งบุญไว้ในพระพุทธศาสนาร่วมกันอีกครั้ง

วันนี้พวกเราทั้งหลาย มาร่วมกันสถาปนาหัวใจของสถานปฏิบัติธรรม คือองค์พระพุทธปฏิมาสำหรับเป็นที่ระลึกถึงพระพุทธคุณ ทั้งนี้ พระพุทธอังคีรส และหลวงพ่อนาค ที่ทุกท่านได้กระทำสักการบูชาอยู่ในบัดนี้ เป็นพระพุทธรูป ‘ศักดิ์สิทธิ์’ สถิตเป็นประธานแห่งวัดราชบพิธมานานนับร้อยปี

คำว่า ‘ศักดิ์สิทธิ์’ ที่อาตมภาพกล่าวนี้ มีความหมายว่า ‘ทรงอานุภาพให้สำเร็จได้สมความประสงค์’ อาตมภาพไม่ได้หมายถึงอำนาจลี้ลับ หากแต่หมายถึง พระพุทธานุภาพโดยธรรมะ หรืออานุภาพของพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นของสมเด็จพระบรมศาสดา เจ้าของรูปพระปฏิมาทั้งสองนั้น มีมากมหาศาลสุดที่จะประมาณได้

พระพุทธศาสนาสามารถเปลี่ยนคนชั่วให้เป็นคนดี ฉุดรั้งคนจะตกนรกให้ขึ้นสวรรค์ เปลี่ยนคนยากไร้ให้กลับเป็นมั่งมี สอนคนโง่ให้กลายเป็นคนฉลาด และสำคัญที่สุดคือ สามารถขัดเกลาชำระล้างคนสกปรกด้วยกิเลส ให้กลับกลายเป็นคนสะอาดบริสุทธิ์หมดจดอย่างสิ้นเชิงด้วยปัญญา กระทั่งหลุดพ้นจากห้วงทุกข์แห่งสังสารวัฏ นี้คืออานุภาพอันศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า และพระสงฆเจ้า

อาตมภาพจึงขอให้ทุกท่านได้สำเร็จสมความประสงค์สูงสุดทางพระพุทธศาสนา ด้วยการเจริญพุทธานุสติ เป็นเบื้องต้น และด้วยการศึกษาพระกรรมฐานกองอื่นๆ ต่อไป"

จากนั้น เสด็จไปทอดพระเนตรนิทรรศการพระประวัติและพระกรณียกิจซึ่งมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัยจัดถวายในโอกาสที่ทรงเจริญพระชนมายุ ๘ รอบ แล้วประทับรถพระประเทียบไฟฟ้าไปทอดพระเนตรโครงการในส่วนตำหนักที่ประทับ อาคารสังฆิกเสนาสนะ และแปลงเกษตรสาธิต

สถานปฏิบัติธรรมสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด ๑๒๙ ไร่ จากกุศลเจตนาของคณะสงฆ์ ตลอดจนสาธุชนทุกหมู่เหล่า ที่ปรารถนาจะสร้างถาวรสถาน แห่งศุภวารสมโภช ๑๕๐ ปีแห่งการสถาปนาวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม พุทธศักราช ๒๕๖๓ เป็นโครงการต่อเนื่องถึงการจัดงานฉลองพระชนมายุ ๘ รอบ ๒๖ มิถุนายน ๒๕๖๖ เพื่อเฉลิมพระเกียรติ และถวายพระกุศล ประกอบด้วยเสนาสนะและสิ่งปลูกสร้างสำคัญ ได้แก่ วิหาร อาคารปฏิบัติธรรม ตำหนักที่ประทับ อาคารสังฆิกเสนาสนะ และอาคารที่พักผู้ปฏิบัติธรรม เป็นต้น แวดล้อมด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย ตามแผนการสร้างสรรค์ภูมิทัศน์ให้เป็นรมณียสถานสัปปายะแก่การเจริญจิตภาวนา ตามพระนโยบายที่โปรดประทานไว้ อีกทั้งยังมีการจัดทำแปลงเกษตรสาธิต ตามแนวพระราชดำริในรัชกาลที่ ๙ และในรัชกาลปัจจุบัน สำหรับเกื้อกูลประโยชน์ต่อการศึกษาเรียนรู้ของชุมชนแวดล้อม ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ได้จัดตั้งสถาบันกรรมฐานศึกษา และโปรดประทานนามว่า สถาบันกรรมฐานศึกษาสมเด็จพระสังฆราช (อมฺพรมหาเถร) ซึ่งจะจัดการอบรมส่วนหนึ่ง ณ สถานปฏิบัติธรรมแห่งนี้ เพื่อให้เกิดประโยชน์ใช้สอยอย่างเป็นรูปธรรมต่อการศึกษา วิจัย ปฏิบัติ และพัฒนาสุขภาวะทั้งทางกายและทางจิตใจ ตลอดจนการอบรมพัฒนาสติปัญญาตามหลักพระพุทธศาสนาได้อย่างยั่งยืน

อนึ่ง สำหรับผู้มีจิตศรัทธาโดยเสด็จพระกุศลในโครงการดังกล่าว เนื่องในโอกาสฉลองพระชนมายุ ๘ รอบ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เปิดให้เข้าบริจาคโดยเสด็จพระกุศล บูชาพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ “อายุวัฒน์” และสั่งจองพระพุทธวรายุวัฒนศาสดา ณ อาคารภุชงค์ประทานวิทยาสิทธิ์ ๑ (อาคารตั้งอยู่ด้านซ้ายของพระอุโบสถ วัดราชบพิธ) ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ของเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๓.๐๐ ถึง ๑๗.๐๐ น